Archive | July 2012

ยกตา ลดหน้า บีบน่อง โบทอกซ์ ฟิลเลอร์

ยกตา ลดหน้า บีบน่อง โบทอกซ์ ฟิลเลอร์เอาอยู่

ย้อนวัยผิวด้วย ‘ฟิลเลอร์-โบท็อก’

เมื่อไหร่ก็ตามที่กาลเวลาพาอายุไปถึงเลข 25 เมื่อนั้นริ้วรอยเหี่ยวย่นจะปรากฏขึ้นตามธรรมชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะผิวหน้าบริเวณดวงตา หรือตีนกา จะค่อยๆ มองเห็นได้ชัดเจนอยู่เรื่อยๆ และยิ่งดูชัดแจ้งตอนอายุ 50 ปี ในตอนนั้นยังจะมีปัญหาผิวหยาบกร้าน หย่อนคล้อย และคืนตัวช้า  เช่นเดียวกับริ้วรอยแห่งวัยที่มุมปาก หน้าผากช่วงหว่างคิ้ว ดูๆ ไปก็คล้ายผ้าม่านที่หย่อนตัวลง

แล้วริ้วรอยเหี่ยวย่นเกิดอย่างไรกันหรือ?

ก็ธรรมชาติของผิวนั้นประกอบไปด้วยเซลล์จำนวนมากมาย มีการเสื่อมสภาพ หลุดออก และสร้างขึ้นมาทดแทนใหม่ตลอดเวลา ทว่าเมื่ออายุมากขึ้น เซลล์จะเสื่อมสภาพ หลุดง่าย สร้างยาก ไม่สมบูรณ์เหมือนวัยละอ่อน

หากดูจากโครงสร้างของผิวหนังซึ่งมีด้วยกัน 3 ชั้น ประกอบด้วยชั้นหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน จะทำให้ทราบว่าปัญหาเหี่ยวย่นมีความเกี่ยวพันกันหมด

เริ่มจากชั้นหนังกำพร้า ซึ่งเป็นชั้นบนสุด เมื่ออายุมากขึ้นผิวชั้นนี้จะบางลง แต่ผิวบริเวณที่สัมผัสแสงแดดเป็นประจำจะหนาตัวขึ้น เซลล์ผิวชั้นนี้จะหลุดออกง่าย สภาพเช่นนี้เมื่อเกิดแผลจะทำให้หายช้า และมีฝ้า กระ มากขึ้น

ส่วนผิวชั้นกลางหรือชั้นหนังแท้ เป็นที่อยู่ของ คอลลาเจน, อีลาสติน และกราวน์ด ซับสแตน (ทำหน้าที่เหมือนปูนซีเมนต์ ตัวเชื่อมคอลลาเจนกับอีสาลติน) โดยวัยที่มากขึ้นจะทำให้คอลลาเจนกับอีลาสติน เสื่อมสภาพลง ทำให้ผิวเปราะบาง ความยืดหยุ่นลดลง

ลงลึกไปยังผิวชั้นไขมัน ที่เปรียบเสมือนเบาะรองผิวหนัง จะบางยุบลง ส่งผลให้ผิวดูแห้งเหี่ยว ไม่นุ่มนวล ยกเว้นผิวบริเวณสะโพก ต้นขา ที่ยิ่งแก่ยิ่งหนาตัวขึ้น

โทษธรรมชาติอย่างเดียวไม่ได้ที่กำหนดให้ผิวของคนเราต้องเสื่อมสภาพและเหี่ยวลง เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามารุมทำร้ายผิวของเราด้วย เริ่มจาก ‘แสงแดด’ ตัวการสำคัญฤทธิ์ร้ายเป็นตัวเร่งให้ผิวแก่เร็วกว่าวัย ทำให้อีลาสตินและคอลลาเจนเสื่อมสภาพ มีผลให้ผิวชั้นในหย่อนยาน ม้วนตัวอยู่ภายในผิวหนังชั้นบนสุด

ปัจจัยต่อมา ‘สารเคมี’ ไม่ว่าจะเป็นสารปรอทในเครื่องสำอาง สารตะกั่วจากน้ำมันเชื้อเพลิง สารคลอรีนในสระว่ายน้ำ ฝุ่นละออง และเชื้อโรคต่างๆ ที่สัมผัสกับผิวของคนเราอยู่เรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีผลมาจากการขาดวิตามินเอ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ และการแสดงความรู้สึกบนใบหน้า เช่น การยิ้ม การขมวดคิ้ว เป็นต้น

หนทางแก้ไขหรือหนีปัญหาริ้วรอยแห่งวัยไม่ชวนมองเหล่านี้ ทำได้ด้วยตนเองเพียงไม่แสดงอารมณ์ทางหน้า ซึ่งพูดง่ายแต่ทำยาก หลายๆ คนจึงเลือกวิธีทาครีม ทายา ซึ่งเป็นแก้ปัญหาได้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งที่ใช้ครีมหรือยา จึงไม่ถาวร แต่วิธีที่กำจัดริ้วรอยเหี่ยวย่นออกไปได้ถาวรมีวิธีเดียวเท่านั้น คือ การผ่าตัดศัลยกรรม หรือที่มักจะเรียกกันว่า ผ่าตัดยกหน้า ดึงหน้า ยกเครื่องใหม่ แต่ก็เป็นวิธีที่เป็นทางเลือกของคนไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวมีดหมอนั่นเอง

นอกจากจะรักษาด้วยการทาครีม ทายา หรือผ่าตัดยกหน้าใหม่ ก็ยังมีวิธีอื่นๆ เป็นทางเลือก อาจเปรียบว่าเป็นทางสายกลาง แม้ไม่ถาวรแต่ก็ช่วยยืดตรึงผิวหน้าไว้ได้นานกว่าการใช้ครีมหรือยาทาภายนอก และไม่ต้องผ่านความเจ็บปวดจาการผ่าตัด นั่นคือ การฉีดสารต่างๆ เช่น โบทอก หรือ ฟิลเลอร์นั้นเอง ส่วนจะเลือกสารตัวใดฉีดหรือใช้เลเซอร์ชนิดไหนมาแก้ปัญหาเหี่ยวย่นนั้น ต้องดูจากลักษณะของรอยเหี่ยวย่นเป็นสำคัญ

สารละลายที่ใช้ฉีด มีทั้ง  ‘โบท็อก’  ซึ่งเป็นชื่อทางการค้าของสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งสร้างจากแบคทีเรีย ชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ก่อโรคอาหารเป็นพิษหากได้รับในปริมาณมากจะมีผลกับกล้ามเนื้อ เนื่องจากออกฤทธิ์โดยการไปจับกับส่วนปลายของเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาท ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ กล้ามเนื้อจึงคลายตัว หรือเกิดอัมพาตของกล้ามเนื้อ

ด้านความสวยความงาม แพทย์จึงนำโบท็อกฉีดเข้ากล้ามเนื้อในปริมาณน้อยๆ โบทูลินั่ม ท็อกซินจะทำให้กล้ามเนื้อ “คลายตัว” เหมาะกับการแก้ไขริ้วรอยที่เกิดจากการหดเกร็งกล้ามเนื้อบ่อยๆ เช่น ตีนกาที่หางตา รอยย่นที่หน้าผาก นอกจากนี้ยังสามารถใช้ ลดกราม เปลี่ยนโครงหน้า ปรับรูปคิ้ว ลดน่อง ลดเหงื่อได้ด้วย การฉีดโบทอกเป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาได้ระยะหนึ่ง คือ  3-8 เดือนหลังจากยาหมดฤทธิ์รอยย่นก็จะกลับมาเหมือนเดิม ก็ต้องมาเติมกันใหม่  ส่วนผลข้างเคียงที่อาจพบได้คือ การเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่เป็นธรรมชาติ ดูเหมือนใส่หน้ากาก บางที่ฉีดใหม่ๆอาจหลับตาไม่สนิม หรือถ้าฉีดหน่อยช่วงแรกๆอาจใส่ส้นสูงแล้วเดินไม่ถนัด ซึ่งอาจการเหล่านี้จะค่อยๆหายไปเองเมื่อโบทอกซ์หมดฤทธิ์ ทุกอย่างก็จะคืนสภาพเดิม สนนราคาต่อเข็มราว 5,000-10,000 บาท

ในหมวดฉีดที่นิยมยังมี ‘ฟิลเลอร์’ (Filler) เพิ่งนำมาใช้ในช่วง 10 ปีที่ผ่าน เป็นคำรวมๆ ใช้เรียกสารสังเคราะห์เลียนแบบธรรมชาติ ฉีดเสริมเนื้อเยื่ออ่อน อาทิ รอยบุ๋ม หลุมสิว รอยย่น ร่องลึก ที่เกิดจากสภาพผิวที่ขาดน้ำ บางกรณียังสามารถนำไปฉีดเพื่อเสริมจมูกในตำแหน่งต่างๆเช่น ดั้ง ปลายจมูกรูปชมพู่ ปีกจมูก  และนอกจากนี้ฟิลเลอร์ โมเลกุลใหญ่ยังสามารถฉีดเสริมหน้าอกได้ด้วย โดยไม่ต้องผ่าตัด

ฟิลเลอร์ที่นิยมฉีด คือ “ไฮยาลูโรนิค แอซิด”  อาจเรียกสั้นๆ ว่า ไฮย่า ปกติมีอยู่ในผิวชั้นหนังแท้อยู่แล้ว การฉีดไฮย่าจะเข้าไปดูดน้ำในร่างกายเราเป็นพันเท่า เพื่อให้บวมโต ผิวหนังเต่งตึงหรือนูนขึ้นมา สารที่ใช้ถ้าเป็นยี่ห้อที่ผ่าน อย.แล้ว สามารถฉีดได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะทำมาจากน้ำตาลโมเลกุลซ้อน ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ไม่ต้องทดสอบก่อนฉีด การฉีดฟิลเลอร์สามารถแก้ปัญหาร่องรอยต่าง ๆ ได้ ระดับหนึ่งนาน 4 เดือน-1 ปี ราคาเข็มละประมาณ 10,000-15,000 บาท  ผลข้างเคียงที่อาจพบ คือ รอยแดง รอยช้ำจากการฉีดยา ซึ่งจะค่อยๆดีขึ้นภายใน 1 อาทิตย์หลังฉีด ส่วนถ้าผิวบริเวณที่ฉีดนูนขึ้นมากเกินไปหรือคนไข้ไม่ถูกใจรูปทรงหลังฉีด ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดสารสลายฟิลเลอร์เข้าไปเพียงเท่านี้ผิวก็กลับมาเป็นสภาพปกติก่อนฉีด ยาฉีดฟิลเลอร์นี้ไม่มีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ เนื่องจากเป็นสารที่เหมือนฟองน้ำเพื่อความเต่งตึงของผิวเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ต้องกลังวลว่าฉีดแล้วจะเกิด การแสดงสีหน้าไม่ได้ หลับตาไม่สนิท หรืออะไรต่างๆแต่อย่างใด

ทั้งนี้มีข้อควรรู้คือ ฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานอย่างถูกต้องจะเป็นชนิดไม่ถาวรเท่านั้น นอกจากนี้ยังต้องทราบด้วยว่า ฟิลเลอร์มีทั้งแบบสังเคราะห์จากเนื้อเยื่ออ่อนของคนไข้เอง ซึ่งใช้เวลานาน ยุ่งยาก ราคาแพง ส่วนชนิดสังเคราะห์จากเนื้อเยื่อคนอื่น หรือสังเคราะห์จากสัตว์ เสี่ยงเกิดอาการแพ้ได้ จะต้องทดสอบก่อน และชนิดล่าสุด คือ ชนิดที่ผ่านอย.แล้ว เป็นฟิลเลอร์ที่เป็นน้ำตาลโมเลกุลซ้อน ไม่ต้องทดสอบก่อนฉีด

โดนส่วนใหญ่โบทอกซ์และฟิลเลอร์ ทำงานเสริมฤทธ์กัน  ต้องการฉีดริ้วรอยเล็กๆ หรือฉีดบริเวณใบหน้าส่วนบน ก็จะนิยมฉีดโบทอกซ์ แต่ต้องการเน้นฉีดริ้วรอยลึกๆ หรือฉีดร่องบริเวณใบหน้าส่วนล่าง ก็จะเน้นฉีดฟิลเลอร์มากกว่า จะได้ผลดีกว่า

เสร็จจากการลบเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นด้วยวิธีข้างต้นแล้ว ผิวหน้าคงจะดูอ่อนเยาว์ เหมือนย้อนเวลาไปหาอดีตเลยทีเดียว.

 

หยุดไขมัน สลายไขมัน

หยุดไขมัน……ก่อนไขมันจะหยุดคุณ

ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ลดพุง ทำได้ไม่ยาก ด้วยยาฉีดสลายไขมัน Stop Fat นวัตกรรมใหม่ ฉีดสลายไขมันเฉพาะส่วน ปลอดภัย เห็นผล ตัวยาผ่าน อย. ถูกต้องทั้งในไทย ยุโรป อเมริกา ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บ หลังทำกลับบ้านได้ทันที เห็นผลภายใน 1 อาทิตย์ ทำโดยแพทย์ผิวหนัง

Stop Fat

ปัญหาเรื่องรูปร่าง น้ำหนักตัว หน้าท้อง พุง ไขมันส่วนเกินที่สะสมในตำแหน่งต่างๆ เป็นเรื่องที่ใครหลายๆคนกำลังปวดหัว เพราะไม่รู้จะจัดการยังงัยกันดี อยากให้เห็นผลเร็ว แต่ไม่อยากเหนื่อย ออกกำลังกาย อาหารก็อยากกินให้อร่อยปาก ไปเข้าคอร์สต่างๆ ซื้ออาหารเสริมที่เค้าว่าลดไขมัน ดักจับไขมันสารพัด นู้น นี่ นั้น มาทานก็ยังไม่เห็นผล เสียเงินไปหลายหมื่น หลายแสน ก็ยังเอาไม่อยู่ ปัญหาโลกแตกแบบนี้ ใครจะช่วยเราได้ …………. แต่ ไม่ต้องกลัวคะ Stop Fat ช่วยคุณได้คะ เพราะอะไร ตามไปดูกันเลยคะ
Stop fat คือ นวัตกรรมในการกำจัดไขมันส่วนเกิน โดยแพทย์จะใช้เข็มฉีดยาเล็กๆ ฉีดส่งยาเข้าไปชั้นไขมันโดยตรง ซึ่งยาที่ใช้นั้นจะมีสรรพคุณในการสลายไขมัน
โดยใช้กลุ่มยาหลายๆ ตัว เช่น L-carnitine, Caffeine, Phosphatidylcholine,Deoxycholate, Vitamin B complex ,Amino acids,Minerals ฯลฯ โดยฉีดยาเข้าไปในชั้นไขมันโดยตรง ปริมาณที่ฉีด ก็แล้วแต่บริเวณที่ต้องการ เช่น อาจจะใช้ 0.2-0.5 ซีซี ห่างกัน ทุก 1-2 ตร.ซม โดยฉีดลึกเข้าไปในชั้นไขมัน ตั้งแต่ 0.1 มม-12 มม. โดยเทคนิคการฉีดแบบ เมโสเธอราพี (Mesotherapy, Mesofat ) ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัย เนื่องจากฉีดบริเวณผิวหนังที่ชั้นไขมันโดยตรง ไม่ได้ฉีดเข้าเส้นเลือด จึงไม่มีอันตรายแต่อย่างใด และยาที่ใช้ในการฉีดStop Fat ทุกตัว ได้รับการรับรองผ่าน อย.ทั้งในไทย ยุโรป อเมริกาแล้ว อีกทั้งเข็ม อุปกรณ์การแพทย์ทุกชนิด ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างดี ใช้แล้วทิ้ง คุณจึงมั่นใจถึงความปลอดภัยได้อย่างแน่นอน

กลไกการทำงานของยา
กลไกของการสลายไขมันด้วยการฉีด Stop Fat พบว่า ตัวยาจะไปเร่งเมตาบอลิซึมของการสลายไขมัน กระตุ้นการสลายไขมัน ทำให้เยื่อหุ้มเซลล์ไขมัน ( Fat Cell Membrance) แตกตัวออก ทำให้ไขมันที่จับตัวกันเป็นก้อนๆ สลายออกเป็นไขมันเหลว แล้วถูกขับออกทางระบบน้ำเหลือง ปัสสาวะ (ส่วนมาก) และทางอุจจาระออกจากร่างกายไป จึงทำให้หลังฉีด ผู้ป่วยจะรู้สึกอุ่นๆบริเวณที่ฉีด เนื่องจากมีการเพิ่มการเผาพลาญของไขมันหลังฉีด และผ่านไป 1อาทิตย์จะรู้สึกได้ว่าไขมันสะสมบริเวณที่ฉีดลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ตำแหน่งที่นิยมทำการสลายไขมันด้วยเทคนิค StopFat ได้แก่ ไขมันส่วนเกินที่ พุง หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา สะโพก น่อง ไขมันที่แก้มเพื่อปรับหน้าให้เรียว ส่วนเกินที่คาง ไขมันที่เต้านม (Gynecomastia)

Stop Fat นิยมฉีดลดไขมันที่ใดบ้าง

1. ลดไขมันที่พุง หน้าท้อง
2. ลดไขมันที่ต้นแขน ต้นขา
3. ลดไขมันที่น่อง
4. ลดไขมันที่คาง(เหนียง)
5. ลดไขมันที่แก้มให้หน้าเรียวเล็ก
6. ลดไขมันที่จมูก(บาน) ทำให้เล็กลง
7. ลดไขมันที่หนังตาบนหย่อนคล้อย

เจ็บไหมขณะฉีดยา

เนื่องจากเข็มที่ใช้จะเล็กมากๆ จึงไม่มีความเจ็บแต่อย่างใด คนไข้จะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาสะกิด หลังฉีดอาจปวดเล็กน้อย เราจะฉีดบริเวณที่มีไขมันสะสมเป็นจุดๆ ตามคนไข้ที่ต้องการ

ความรู้สึกหลังฉีดยา

หลังจากฉีดยา ผิวหนังบริเวณที่ฉีดจะอุ่นๆ บางท่านจะรู้สึกแสบเล็กน้อย อาจมีการเป็นจ้ำเขียวช้ำ เนื่องจากยาฉีดจะทำให้เส้นเลือดขยายตัว ซึ่งเป็นภาวะปกติที่เกิดขึ้นได้ในคนปกติทั่วไป อาจการต่างๆเหล่านี้จะค่อยๆดีขึ้นหลังจากฉีดยา 2-7 วัน ในบางท่านอาจจะรู้สึกใจสั่นเนื่องจากยามีส่วนผสมของคาเฟอีน จึงแนะนำให้วันที่มาฉีด ให้งด ชา กาแฟ เหล้า แอลกอฮอล์ต่างๆ

การดูแลตัวเองหลังฉีดยา

หลังฉีดสามารถเดินกลับไปได้ปกติ ไม่มีข้อห้ามใดๆ อาจทำการคลึงนวดเบาๆเล็กน้อยเพื่อให้ยากระจาย นอกจากนี้ ควรออกกำลังกายเบาๆ หลังทำ เช่น การเดินเร็ว โยคะ หรือแอโรบิค อย่างน้อยวันละ 30-45 นาที อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อให้กล้ามเนื้อกระชับ และรีดไขมันให้ออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น ลดการสะสมของไขมันใหม่ และ เปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนัก และไขมันส่วนเกิน มิให้กลับมาสะสมได้อีก

ร้อยไหม ดึงหน้า

ร้อยไหม ดึงหน้า

ไม่ว่าผ่านไปกี่ยุค กี่สมัย เพลง 30 ยังแจ๋ว ก็ยังคงกระแทกใจสาวๆวัยเลข 3 เลข 4เลข 5 ได้เป็นอย่างดี เพราะเนื้อหามันช่างโดนใจวัย ไม่อยากแก่ซะจริงๆ หมอก็แอบเป็นแฟนคลับเพลงนี้ด้วยอีกคน เพราะอะไรนะหรือ ก็สาวๆ ยิ่งวัยเพิ่มขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งอยากหยุดเวลาให้ช้าลงเท่านั้นนะสิ มีคนเคยบอกไว้ว่า ความสาว ความสวย เป็นสิ่งแรกที่ธรรมชาติ ให้ผู้หญิงตั้งแต่แรกเกิด แต่ก็เป็นสิ่งแรก ที่ธรรมชาติเรียกกลับคืนไปเหมือนกัน ดังนั้น เพื่อฝืนกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ เราจึงต้องมีอุปกรณ์ช่วย เรียกความสาวกลับคืนนะ อุปกรณ์ที่ว่าคืออะไรนะหรือ มาค้นหาความจริงกับหมอกันเลยคะ

Botox , Filler , Radiofrequency, Thermage ,Ulthera

และอื่นๆอีกมากมาย เหล่านี้เป็นชื่อของอุปกรณ์ย้อนเวลาเพิ่มความสวย ซึ่งหมอจะค่อยๆอธิบายไปที่ละอย่างเพื่อความเข้าใจที่ง่ายยิ่งขึ้นนะคะ

  • Botox ตัวนี้คนส่วนใหญ่รู้จักกันดี เพราะ ฉีดง่าย ไม่เจ็บ รวดเร็ว ไม่ต้องพักหน้านาน หาฉีดได้ง่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป มันช่วยเรื่องริ้วรอย รอยย่น เนื่องจาก ยาที่ฉีดเข้าไป จะไปทำให้กล้ามเนื้อใต้ผิวหนังคลายตัว พอกล้ามเนื้อคลายตัว รอยย่นก็หาย หน้าก็ตึงแป็ะ แป็ะ แปะ แต่ข้อเสีย มันจะตึงมากไปจนแสดงสีหน้าไม่ได้นะสิ เพราะถ้าฉีดBotox มากไป กล้ามเนื้อจะคลายตัวมากไป ทำกล้ามเนื้อที่ถูกยาฉีดมัดนั้นไม่ทำงาน เกิดผลเสียข้างเคียงได้ เช่นฉีดที่ตา ตาก็จะหลับไม่สนิท ฉีดที่รอบปาก อาจทำให้ดูดน้ำแล้วไหลหรือดูดไม่ค่อยขึ้นได้ ถ้าฉีดลดกรามอาจทำให้เคี้ยวข้าวไม่ถนัดได้ ถ้าฉีดลดน่องอาจจะทำให้ใส่ส้นสูงแล้วเดินไม่ถนัดได้คะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก้ไม่ได้เกิดกับทุกคนหรอกคะ ขึ้นอยู่กับปริมาณยาที่ใช้และประสบการณ์ของหมอที่ฉีดเป็นสำคัญเลยคะ
  • Filler ตัวนี้ ชื่อก็บอกแล้วว่าเติมเต็ม มันไปเติมร่องให้เต็มคะ

มันทำงานเหมือนฟองน้ำคะ ฉีดเข้าไปในชั้นหนังแท้ หลังนั้นจะค่อยๆพองออกเหมือนฟองน้ำ ทำให้รอยย่น ร่องต่างๆเต็มขึ้น ยิ่งร่องลึกๆ แก้มตอบ ยิ่งเติมได้ดีเลยคะ เอามาฉีดเสริมจมูกให้เป็นดั้งแทนที่จะเอาซิลิโคนใส่ สำหรับคนกลัวผ่าตัดก็ได้นะคะ ฉีดเสร็จกลับบ้านได้เลย ไม่ต้องนอน รพ.

สารที่เอามาฉีดนี้ เป็นน้ำตาลโมเลกุลซ้อน ไม่อันตราย ไม่ได้ทำมาจากสัตว์ ไม่ต้องทดสอบก่อนฉีดเนื่องจากไม่แพ้ และหลังฉีดไปแล้วจะอยู่ในร่างกายประมาณ 1 ปี ร่างกายจะค่อยๆย่อยสลายไปเองคะ ไม่ต้องกลัวเป็นก้อน ไม่ต้องกลัวสะสม ถ้าใช้ยี่ห้อคุณภาพ มาตรฐาน อย. และ FDA อเมริกาแล้ว ไม่มีปัญหาคะ

  • Radio Frequency , Thermage วิธีนี้แตกต่างจากการฉีด เราจะใช้เครื่องเลเซอร์ที่ว่านี้ ไปกระตุ้นผิวหนังชั้นหนังแท้ให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ และทำให้คอลลาเจนเกิดการหดตัว ผิวจะกระชับขึ้น ความหย่อนคล้อยจะลดลง รอยย่นจะลดลง ลองคิดง่ายๆ นึกภาพตามหมอดูนะคะว่า โมเลกุลของคอลลาเจนมีสามสายพันกันเป็นเกลียวเหมือนเราผูกเปียผม ปียที่เพิ่งผูกใหม่ก็จะตึงแน่น สวย แต่พอเวลาผ่านไป เราออกไปข้างนอกกระโดดโลดเต้น เดินไปไหนมาไหน โดนฝุ่นโดนควันหัวเซอะเซิง เปียผมก็คลาย หลุดลุ่ย ไม่สวย จะทำใหเปียตึงก็ต้องรื้อมาผูกใหม่ เครื่อง RFนี้ ก็เป็นความร้อนที่เข่ามาช่วยให้เปียที่คลายไม่เรียบร้อย ยุ่งเหยิง กลายเป็นเปียที่หด แน่น ตึงเหมือนเดิมนั้นเองคะ ส่วนจะเป็น RF รุ่นไหน ก็จะต่างกันตรงที่ว่า มันลงได้ลึกถึงชั้นไหน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้มากแค่ไหน  RF ทั่วๆไปก็จะทำ ประมาณ 4-5 ครั้ง ทำแล้วก็เห็นผลทันทีว่าตึงขึ้น แต่ก็จะอยู่ได้ 1-2 อาทิตย์ก็ ต้องมาทำใหม่เรื่อยๆ ข้อดีคือหลังทำไม่มีแผล แต่งหน้าได้ทันทีคะ Thermage ก็จะเป็นตัว top ของ RF ซึ่งเป็น Monopolar RF ได้ผลดีสุดเกี่ยวกับเรื่องริ้วรอยในกลุ่มตระกูล RF ทำครั้งเดียวอยู่ได้ 2 ปี เห็นผลหลังจากทำไปแล้ว ประมาณ 1-2 เดือน และจะค่อยดีขึ้นเรื่อยๆ หลังทำหน้าจะบวมๆแดงๆหน่อย ไม่เกิน 2-3 วันก็จะดีขึ้นคะ แอบเจ็บอยู่พอสมควร เพราะคลื่นลงไปลึกถึงชั้นหนังแท้ ที่สำคัญแพงเหมือนกัน ไม่มีตังค์ไม่มีสิทธิคะ

  • Ulthera ตัวนี้เป็น Ultrasound ยุคปี 2010 ดังมากเกี่ยวกับการรักษารอยย่นในยุคนี้ หมอเพิ่งเขียนคอลัมภ์เกี่ยวกับเครื่องนี้ลงในเดลินิวส์ไปเมื่อไม่นานมานี้ เนื่องจากมีคนเขียนมาถามกันค่อนข้างมากว่ามันคืออะไร เครื่องนี้ลักษณะเหมือนเครื่องultrasound ที่หมอสูติเข้าใช้ดูเพศบุตรเลยคะ แต่มันไม่ได้ใช้สำหรับดูเพศบุตรหรอกคะ มันใช้รักษารอยเหี่ยวย่น โดยใช้หลักการว่า คลื่นเสียงจะผ่านผิวทำให้เกิดความร้อนถึงชั้น SMAS( คือชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ ซึ่งลึกมากผ่านทะลุชั้นผิวหนังไปอีก ) ไปช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวต่างๆ เกิด Collagen Remodeling ใหม่จึงทำให้หน้าตึงกระชับ ริ้วรอยลดลง และยิ่งไปกว่านั้นยังเพิ่มความแม่นยำและให้เห็นภาพโดยมีจอmonitor ให้หมอที่ทำการรักษาดูว่า ตอนนี้คลื่นเสียงมันลงไปลึกถึงชั้นไหน เพียงพอหรือยังสำหรับการรักษาในครั้งนั้น ใช้หลัก See& Treat ดังนั้นความแม่นยำจึงสูงขึ้นอีก ตอนทำแอบเจ็บอยู่บ้าง no pain no gain นะคะ ใช้เวลทำประมาณ 30 นาที ทำครั้งเดียวอยู่ได้ประมาณ 2 ปีคะ หลังทำจะแดงๆหน่อยๆ ไม่ต้องพักหน้า ทำงานได้เลย ราคาแพงได้ใจคะ กระเป๋าต้องหนักหน่อยถึงสู้ไหวคะตัวนี้ เพราะเป็นของใหม่ในยุคนี้ จะดีไม่ดีตามข้อมูลต้องลองเองคะ

  • Rhytidectomy, Face Lift Surgery ผ่าตัดดึงหน้า อันนี้ได้ผลดีที่สุดคะ เพราะเป็นการผ่าตัด ช่วยให้หน้าตึง และช่วยเรื่องหย่อนคล้อยได้ดีที่สุด และถ้ามีไขมันสะสมบริเวณคาง แก้มมากๆอาจจะต้องมีการดูดไขมันเพิ่มขึ้นด้วยคะ เนื่องจากเป็นการผ่าตัดทีมแพทย์จะต้องเป็นหมอที่มีความชำนาญมาก ต้องระวังเส้นเลือด เส้นประสาทมากมาย ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำให้เกิดผลข้างเคียงระยะยาวต่อคนไข้ได้คะ การผ่าตัดก้จะใช้เวลา 3-4 ชม ต้องดมยาสสลบ แผลผ่าตัดจะอยู่เหนือไรผมด้านบนและหลังใบหูซึ่งจะมองไม่เห็นคะ หลังจากนั้นอีก 4 วันจะตัดไหมส่วนหลังใบหูก่อนและอีก 6 วันจะตัดไหมเหนือไรผมด้านบนคะ หลังผ่าแผลห้ามโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหมคะ ต้องนอนยกหัวสูงเพื่อลดบวม งดออกกำลังกายเด่ยวแผลจะกระเทือนคะ เจ็บสุด ยุ่งยากสุด เสี่ยงสุด แต่ หลังผ่าตัดเห็นผลทันทีคะ ถาวรด้วย

ได้รู้วิธีย้อนวัย ขึ้นtime machine กลับไปอดีตแล้ว ชอบวิธีไหนก็ลองกันดูนะคะ แต่ที่สำคัญอย่าลืมว่า เครียดตลอดเวลา หน้าจะเหี่ยวเร็วคะ

บทความโดย พญ.ธวลิดา เวชชวณิชย์ แพทย์หัวหน้าศูนย์ความงาม รพ.พญาไท 1
E-mail : bangkokbeautyclinic@gmail.com
Hotline : 086-4656031