Archive | August 2012

เลเซอร์กำจัดขน

พี่ขา ขนลาก่อน 

เลเซอร์กำจัดขน  สวยใสชนะใจ ไร้เส้น(ขน)

บ้านเราเป็นเมืองร้อน ยิ่งนานวันก็ยิ่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนสาวๆ ต้องปรับตัวตามสภาพอากาศ เห็นได้ชัดจากสไตล์การแต่งตัว เน้นสวมเสื้อแขนกุด เสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น มินิสเกิร์ต หรือแม้กระทั่งกีฬา เน้นไปว่ายน้ำ เที่ยวทะเลรับลมเล่นน้ำ หนีไม่พ้นต้องใส่ชุดว่ายน้ำ วันพีช ทูพีช บิกินี่กันตามความพอใจ

ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ต้องเผยผิวให้เห็นมากขึ้น สาวๆ จึงต้องเตรียมผิวให้เกลี้ยเกลานวลเนียนที่สุด โดยเฉพาะจุดใต้วงแขน เรียวแขน-ขา ยิ่งใครที่มีขนดกดำหนา ยิ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ เพื่อให้สวมเสื้อผ้าแล้วสวยงาม ไม่มีขนยาวรกหูรกตา ยกแขนสูงอวดวงแขนได้อย่างมั่นใจ

 

 

 

 

 

แต่กว่าจะได้ผิวสวยใสไร้เส้นขน หลายๆ คนอาจใช้วิธีถอนด้วยการกระตุก โกนด้วยใบมีดหรือเครื่องโกน แต่ไม่นานเส้นขนก็จะงอกขึ้นมาใหม่ อาจเจอปัญหารูขุมขนอักเสบเพราะถอนดึงแรงๆ จนรูขุมขนปูดนูนทำให้ผิวไม่ราบเรียบดูคล้ายหนังไก่ และมักจะมาพร้อมปัญหาขนคุด ขนไม่งอกพ้นผิวหนัง กลายเป็นตอดำๆ อยู่ใต้ผิวหนัง กรณีเลือกโกนออกด้วยคมมีดก็เสี่ยงบาดผิวหรือขูดลอกผิว อาจเกิดแผล ผิวถลอกเป็นริ้วรอยไม่น่ามอง

 

บางคนอาจเลือกที่แว๊กซ์ขน โดยใช้ครีมแว๊กซ์ทาลงบนผิวหนังตรงบริเวณที่ต้องการเอาเส้นขนออก เมื่อครีมแห้งลงก็จะกระตุกครีมที่จับตัวเป็นแผ่นออกแรงๆ เส้นขนก็จะหลุดออกมาพร้อมกับแผ่นครีม หากแว๊กซ์อย่างถูกต้องเส้นขนจะต้องหลุดออกมาพร้อมรากสีขาวๆ โดยเส้นขนจะงอกขึ้นใหม่เมื่อเวลาผ่านไปราว 1 เดือน แต่ก็เป็นวิธีที่สร้างความเจ็บปวดไม่น้อยขณะแว๊กซ์ และยังมีโอกาสทำให้ผิวหนังระคายเคือง รู้สึกคันช่วงที่เส้นขนกำลังจะงอกขึ้นมาใหม่ อาจมีปัญหาขนคุดได้ หากดูแลไม่ดีพอ


‘เส้นขน’
ที่สาวๆ ไม่ปรารถนาให้มีอยู่ในบางจุดนั้นโผล่ขึ้นมาให้เห็นชัดเจนในชั้นหนังกำพร้าซึ่งเป็นผิวหนังชั้นบนสุด แต่รากของมันอยู่ระหว่างช่วงปลายของชั้นไขมันซึ่งเชื่อมต่อกับส่วนต้นของชั้นหนังแท้ โดยเส้นขนจะแทรกตัวอยู่ในรูขุมขน ส่วนรากเชื่อมต่อกับเส้นเลือดแดง เส้นเลือดฝอย เส้นประสาทที่รับความรู้สึกได้ เส้นขนในส่วนที่อยู่ในชั้นหนังแท้จะถูกห่อหุ้มและเชื่อมกับต่อมไขมันเล็กๆ ที่มีอยู่ทั่วชั้นหนังแท้ และมีกล้ามเนื้อที่ช่วยในการยกและพยุงด้วย

เมื่อเส้นขน-เส้นผมงอกออกมาสู่ผิวหนังชั้นนอกสุดก็จะทำหน้าที่ให้ความอบอุ่น ลดการสูญเสียความร้อนออกจากร่างกายมากจนเกินไป ปกป้องผิวหนังจากแสงแดด ลักษณะของเส้นขนแตกต่างกันตามอายุ เพศ และเชื้อชาติ จึงทำให้เส้นขนของแต่ละคนมีสี ความยาว ความหยาบ ความหนาที่ไม่เหมือนกัน ส่วนอายุของเส้นขนก็ยังมีต่างกันขึ้นอยู่กับตำแหน่งของมัน เช่น ขนคิ้ว ขนตา ขนรักแร้มีอายุประมาณ 3-4 เดือน ขนอ่อนตามร่างกายอายุประมาณ  4 เดือนครึ่ง เมื่อหลุดก็จะงอกยาวขึ้นใหม่เป็นวงจรไปเรื่อยๆ

แม้ธรรมชาติจะสร้างเส้นขนมาให้ แต่อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้น เส้นขนบางตำแหน่งกลายเป็นอุปสรรคขัดความสวยของสาวๆ ซึ่งวิวัฒนาการความงามก็คิดหาทางออกของปัญหาเพื่อกำจัดเส้นขนไม่พึงประสงค์ และมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน

เริ่มจาก ‘การจี้ด้วยไฟฟ้า’ หรือ Epilation เป็นการปล่อยคลื่นไมโครเวฟสู่แนวเส้นขน ให้เข้าไปทำลายเซลล์สร้างเส้นขน โดยหนีบเส้นขนทีละเส้น เพื่อปล่อยคลื่นดังกล่าวซึ่งจะแปรสภาพเป็นพลังงานความร้อน 149 องศาฟาเรนไฮต์ หยุดวงจรการเจริญเติบโตของเส้นขน ส่งผลให้หลุดร่วงลงไป เป็นวิธีที่เหมาะในการกำจัดเส้นขนบริเวณที่มีไม่มากและเส้นขนแบบบาง ใช้เวลานานและอาจทำให้รู้สึกเจ็บ

การจี้ด้วยไฟฟ้า

ต่อด้วย ‘IPL’ (Intense Pulsed Light) ไม่ใช่เลเซอร์ แต่เป็นการปล่อยคลื่นแสงที่มีความยาวหลายช่วงคลื่น ระหว่าง 500-1,200 นาโนเมตร ซึ่งในการกำจัดเส้นขนนั้น แพทย์จำเป็นต้องเลือกช่วงคลื่นให้เหมาะกับลักษณะของเส้นขน  หากเลือกช่วงคลื่นได้ถูกต้อง พลังงานความร้อนของคลื่นแสงชนิดนี้จะสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เส้นขนได้ เหมาะกับเส้นขนสีเข้ม เจ็บไม่มาก หลังทำจะมีรอยแดงชั่วคราว ใช้เวลาทำต่อครั้งไม่นาน แต่ต้องทำประมาณ 5-8 ครั้งถึงเห็นผล หลังทำควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดราว 1 สัปดาห์ ราคาการทำ IPL กำจัดเส้นขนเริ่มต้นตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป

IPL กำจัดขน

นอกจากนี้ยังมี ‘เลเซอร์กำจัดเส้นขน’ ใช้หลักการปล่อยคลื่นแสงที่เปลี่ยนสภาพเป็นความร้อน ซึ่งจำกัดขอบเขตที่ชัดเจน มีความลึกและการดูดซับสีที่แน่นอน เพื่อให้พลังงานความร้อนเข้าไปรบกวนการเจริญเติบโตของเส้นขน ส่งผลให้เส้นขนหลุดร่วงออกไป หากงอกขึ้นมาใหม่ก็จะมีจำนวนน้อยลง บางลง สีอ่อนลง และหลุดร่วงง่าย แต่จะต้องทำอย่างต่อเนื่องในระยะหนึ่ง เส้นขนจึงจะขึ้นช้าลงเรื่อย ๆ ผิวหนังบริเวณที่กำจัดเส้นขนออกไปก็จะเรียบเนียนเกลี้ยงเกลา

เลเซอร์กำจัดเส้นขนที่ว่านี้มีหลายอย่าง ที่โดดเด่น คือ Alexandrite laser (อเล็กซานไดร์ท เลเซอร์) ช่วงคลื่น 755 นาโนเมตร เหมาะกับเส้นขนบาง สีอ่อน เพราะเป็นช่วงคลื่นความถี่ต่ำ หากนำไปใช้กำจัดเส้นขนสีเข้มหนาจะทำให้เกิดความร้อนสะสมจนรู้สึกเจ็บปวด

Alexandrite laser

ชนิดต่อมา นิยมมาก คือ Gentle YAG (เจนเทิล แยค) คือ Long pulse Nd:YAG Laser (เอ็นดี:แยค) มีช่วงคลื่น 1064 นาโนเมตร จัดเป็นเลเซอร์ที่มีความถี่สูง จึงลงลึกสู่ผิวหนังได้มากที่สุด ยับยั้งและทำลายเซลล์เส้นขน ให้หยุดการเจริญเติบโตและหลุดออก ซึ่งต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง เหมาะกับคนที่มีผิวเหลือง คล้ำ อย่างคนเอเชีย กำจัดได้ทุกสภาพเส้นขน แก้ปัญหาขนคุดได้ด้วย เหตุผลที่เจนเทิล แยค ได้รับความนิยมเนื่องจากขณะยิงเลเซอร์ตัวนี้จะมีแก็สเย็น Dynamic Cooling Device (DCD) ออกมาพร้อมกับเลเซอร์ ช่วยทำความเย็นให้กับผิวชั้นบน ทำให้รู้สึกสบาย และปกป้องผิวด้านบนให้ปลอดภัย

Gentle YAG

สำหรับ Diode Laser (ไดโอด เลเซอร์) ช่วงคลื่น 810 นาโนเมตร ลงลึกได้ถึงรากขน กำจัดได้ผลดีในเส้นขนระยะเจริญเติบโต เหมาะที่จะกำจัดบริเวณพื้นที่ใหญ่ๆ โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง แต่เหมาะกับคนผิวขาว คนยุโรปมากกว่าคนเอเชีย

เลเซอร์ มักเป็นวิธีที่ถูกใช้ในการกำจัดเส้นขน แต่ควรต้องทำอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง บางชนิดอาจรู้สึกแสบร้อนขณะทำ จึงต้องใช้ความเย็นเข้าช่วย อาทิ ลมเป่าเย็น หรือเจลเย็น หลังทำให้หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอม โลออนที่มีแอลกอฮอล์ เลี่ยงการสัมผัสแสงแดด อาจมีรอยแดงบ้าง ควรทาครีมบำรุงที่ปราศจากน้ำหอม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวกรณีที่ทำโดยผู้ขาดประสบการณ์อาจเกิดรอยคล้ำไหม้ได้ สนนราคาในการใช้เลเซอร์กำจัดขนจะถูกแนะนำเป็นคอร์ส ราคาหลักหมื่นขึ้นไป

แต่หมอขอเตือนไว้อย่างหนึ่งคือ ไม่มีวิธีไหนในโลกที่สามารถกำจัดขนได้ถาวร คำว่ากำจัดขนถาวรในความหมายนี้คือ หลังจากยิงเลเซอร์ครบคอร์สแล้ว สัก 1-2 ปี ขนจะกลับขึ้นมาใหม่ แต่ขนจะอ่อนลง สีจะจางลง แต่ไม่ใช่ทั้งชีวิตนี้ไม่มีขนอีกเลย อย่าเข้าใจผิดคะ

บทความโดย พญ.ธวลิดา เวชชวณิชย์ แพทย์หัวหน้าศูนย์ความงาม รพ.พญาไท 1
E-mail : bangkokbeautyclinic@gmail.com
Hotline : 086-4656031

เลเซอร์กำจัดสิว จัดการสิว

ขุดรากถอนโคนสิว เลเซอร์กำจัดสิว จัดการสิวให้อยู่หมัด!

สิว แขกไม่ได้รับเชิญของใบหน้า ที่มักจะแวะมากวนใจอยู่บ่อยๆ บางคนขาดความมั่นใจเมื่อเป็นสิว อยากกำจัดสิวให้หมดอย่างโดยเร็ว แต่ก่อนกำจัดสิวนั้น ควรรู้จักสิวกันก่อน

สิว เกิดจากการอักเสบของระบบต่อมไขมัน (sebaceous) ในรูขุมขน ซึ่งโดยปกติแล้วไขมันที่สร้างจากต่อมนี้จะออกมาตามเส้นขน ทว่าเกิดอาการอุดตันที่ทางเดินส่งผลให้เกิดสิว มักเกิดขึ้นที่ใบหน้า ไหล่ แผ่นหลัง ช่วงอก ส่วนต้นตอของการเกิดสิวนั้นมีอยู่หลายสาเหตุ อย่าง ฮอร์โมนแอนโดรเจนที่มีมากในช่วงวัยแรกรุ่น ทำให้คนส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องสิวเห่อขึ้นเต็มใบหน้าในช่วงอายุระหว่าง 11-14 ปี จากนั้นจะค่อยๆ ลดลงแต่ก็ยังเป็นอยู่เรื่อยๆ ต่อไปอีกหลายปี

นอกจากนี้ยังมีสาเหตุจากการที่ร่างกายผลิตไขมันมากเกินไป เมื่อระบายออกมาทางผิวหนังไม่ทันจึงเกิดการอักเสบ ยิ่งถ้าเจอแบคทีเรียในอากาศด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เป็นสิวอุดตัน สำหรับแบคทีเรียที่มีส่วนทำให้เกิดสิวมีชื่อว่า Propionibacterium acne  ซึ่งเรียกย่อๆว่า  P. Acne ตลอดจนการกินอาหารที่มีไขมันสูง ความเครียด สภาพอากาศ ใช้เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิวที่ไม่เหมาะสม ผลจากการใช้ยาบางชนิด และอีกอย่างคือ การแบ่งตัวของเซลล์รากขนหรือผม ที่เร็วเกินไป จนมีเซลล์ตายมาก เกิดการอุดตันของรูขุมขนตามมา

ทุกคนที่เป็นสิวคงรู้กันดีว่า สิวมีหลายลักษณะ ประกอบด้วย ‘สิวเสี้ยน’ ( Trichostasis Spinulosa )พบมากบริเวณจมูก เป็นจุดดำๆ เกิดจากการอุดตันของไขมันที่จับตัวกับรากขนอ่อน และเยื่อรูขุมขนที่หลุดลอกออก ‘สิวผด’ ขึ้นเป็นผดเม็ดเล็ก ๆ บริเวณหน้าผากและแก้ม อันที่จริงไม่เป็นสิวที่ชัดเจน แพทย์อาจเรียกว่า สิวเทียม เพราะไม่มีเกี่ยวกับต่อมไขมัน

‘สิวหัวเปิด’ ( Open Comedone ) บางครั้งเรียกสิวหัวดำ เป็นสิวที่มีรูเปิดออกบริเวณผิวภายนอกผิว ทำให้หัวสิว สัมผัสออกซิเจนในอากาศเกิดการทำปฎิกริยากัน ทำให้หัวสิวกลายเป็นสีดำ ทำให้เห็นเป็นจุดดำ ๆ อยู่บริเวณหัวสิว แต่ไม่อักเสบ สามารถหลุดออกได้เอง ส่วน ‘สิวอุดตัน’ สิวหัวขาว หรือสิวหัวปิด ( Closed Comedone ) เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมัน เกิดการสะสมเป็นก้อนอุดตันอยู่ภายใน จะเป็นก้อนนูนเล็กๆ มีโอกาสเปลี่ยนเป็นสิวอักเสบต่อไป

สิวชนิดสุดท้าย เรียกว่า ‘สิวอักเสบ’ ( Inflamed Acne )  เกิดจากสิวอุดตัน หรือสิวหัวขาวที่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้อักเสบ ลักษณะเป็นรอยนูนแดง ถ้าการอักเสบอยู่บริเวณส่วนต้นท่อไขมัน จะเห็นเป็นตุ่มหนอง แต่กรณีที่อยู่ลึกลงไป จะเห็นเป็นก้อนนูนบวมตึงขึ้นมา กดเจ็บ  ยิ่งหากเกิดการอักเสบรุนแรง และลึกลงไปใต้ชั้นผิวหนังกลายเป็นหนอง จะเรียกว่า สิวหัวช้าง ( Acne Conglobata ) สังเกตเห็นได้ง่าย ทำให้หน้าไม่เรียบ ดูบวมแดง ทิ้งปัญหารอยแผลเป็นให้ผิวด้วย

การกำจัดสิว หลายคนรู้ว่ามีหลากวิธี ไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน รักษาความสะอาดเพิ่มขึ้น เลือกใช้ครีมบำรุงผิวและเครื่องสำอางให้เหมาะกับสภาพผิว ถ้าหากยังไม่ดีขึ้นก็มักจะไปพบแพทย์ผิวหนัง ซึ่งมักจะได้รับยาทั้งชนิดกินและทา บางรายอาจถูกกดสิว แต้มสิวด้วยกรด หรือฉีดยาสเตียรอยด์เข้าที่สิว ซึ่งแต่ละวิธีล้วนแล้วแต่ต้องใช้เวลาค่อยเป็นค่อยไปกว่าสิวจะหาย บางครั้งอาจทิ้งร่องรอยของสิว กลายเป็นตำหนิแห่งผิวที่ไม่ชวนมอง

“เลเซอร์กำจัดสิว แก้ปัญหาสิว เร็ว ไม่ทิ้งร่องรอย” สรรพคุณตอบโจทย์ปัญหาสิวเช่นนี้ จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของคนรักสวยห่วงหล่อแบบใจร้อน โดยเลเซอร์ที่สามารถกำจัดสิวมีอยู่หลายแบบด้วยกัน โดยส่วนใหญ่แพทย์จะแนะนำวิธีกำจัดสิวด้วยเลเซอร์ให้กับผู้มีปัญหาสิวอักเสบ สิวอุดต้น

เริ่มจาก ‘เลเซอร์ CO2’ (Cabondioxide Laser) เปรียบเสมือนมีดหมอไร้เลือดออกซึมในขั้นตอนการยิงเลเซอร์ ถูกนำมาใช้เพื่อเปิดหัวสิว โดยลำแสงเลเซอร์ทำให้ผิวหนังที่หุ้มหัวสิวอยู่เป็นรูเล็กๆ เป็นการระบายสิวออก แล้วจึงกดเอาไขมันที่อุดตันอยู่ใต้ผิวออกมาด้วยอุปกรณ์กดสิว ก่อนยิงเลเซอร์ยังต้องมีการให้ทายาชาบริเวณผิวเป้าหมาย เพื่อไม่ให้รู้สึกแสบร้อนจากพลังงานความร้อนความยาวคลื่น 10,600 นาโนเมตร อย่างไรก็ตาม หลังการรักษาแพทย์จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงการถูกน้ำ 1 วัน และในช่วง 7 วัน ให้งดเครื่องสำอาง ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดและถือเป็นระยะตกสะเก็ด ซึ่งถ้าดูแลไม่ดีอาจทำให้เกิดรอยดำเป็นผลข้างเคียงได้

เลเซอร์ CO2’

‘เลเซอร์ไดโอด’ (Diode Laser) มีความยาวคลื่นแสง 1,450 นาโนเมตร ยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน และการลดการอักเสบ กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน จึงเหมาะกับการรักษาสิวอักเสบ รอยแผลเป็นจากสิว ต่อมไขมันโตผิดปกติ สำหรับเลเซอร์ในกลุ่มนี้ที่นิยมใช้รักษาสิว มีชื่อว่า สมูทบีม (Smooth Beam) เป็นการพัฒนาให้มีระบบให้ความเย็นที่ป้องกันผิวชั้นบน หรือระบบ DCD (Dynamic Cooling Device) ลดโอกาสเกิดรอยดำหลังการรักษา เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการกดสิว หรือฉีดยาที่หัวสิว อีกตัวชื่อ วีบีม (V-Beam) เป็น pulsed dye laser  มีระบบ DCD เช่นกัน แต่จะโดดเด่นที่ความสามารถลบรอยแดง เนื่องจากช่วยให้เม็ดสีและเส้นเลือดเล็ก ๆ ที่ผิดปกติ ที่กระจายทั่วไปจางหายไป ส่งผลให้เกิดการจัดเรียงตัวเส้นเลือดใต้ผิวหนังใหม่  หากต้องการให้เห็นผลชัดเจนต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง

              ‘ IPL ( Intense Pulse Light ) ’  แสงความเข้มสูง ช่วงคลื่น 410 นาโนเมตร จะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.Acne ช่วงคลื่น  510, 560 ช่วยลดการอักเสบ ยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน ลดรอยแดง รอยดำต่างๆ  หลังยิงหน้าจะมันลดลง การอักเสบจะลดลง รอยแดงรอยดำจากสิวจะจางลง ภาพรวมหน้าจะใส สว่างขึ้น

การรักษาด้วยการยิงเลเซอร์ต่างๆนี้ ควรรักษาไปพร้อมๆกับการใช้ยาทารักษาสิว จะทำให้ได้ผลดีและเร็วยิ่งขึ้น

เลเซอร์ไดโอด

ปัญหาใหญ่อีกเรื่องอันเป็นผลพวงมาจากสิวก็คือ ‘หลุมสิว’ ที่ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน เกิดจากสิวอักเสบรุนแรง การกดหรือบีบสิว ซึ่งหลุมสิวที่ว่านี้มีความแตกต่างกัน โดยแบ่งได้ 3 ลักษณะ ‘Ice Pick Scar’ มีลักษณะเป็นรอยหลุมลึก ขอบแคบ ขนาดเล็ก คล้ายรูมากกว่าหลุม แต่รักษายากที่สุด ‘Box Scar’ แบบนี้จะเป็นรอยกว้าง ขอบยก มองเห็นชัดเจน เกิดจากสิวหรืออีสุกอีใส และ ‘Rolling Scar’ ซึ่งเป็นรอยหลุม ดูเป็นแอ่งเว้า

หลุมสิว เมื่อเป็นแล้ว เลเซอร์ก็ยังสามารถแก้ไขได้ ด้วย ‘เลเซอร์ที่สร้างคอลลาเจนผิวส่วนลึก’ ในกลุ่ม Collagen stimulating Laser ให้ยกเนื้อเยื่อแล้วหลุมสิวจะดูตื้นขึ้นหรือเรียบได้ ปัจจุบันนิยมใช้เลเซอร์แบบ Non-ablative Laser ที่มีคุณสมบัติในการรักษาผิวหน้าส่วนลึก โดยไม่มีผลต่อผิวหน้าส่วนบน อาทิ เลเซอร์กลุ่ม Fractional Photothermolysis Laser เช่น Fraxel laser  เลเซอร์กลุ่มนี้จะปล่อยพลังงานออกมาเป็นอนุภาคเล็กๆ ทำให้เกิดการทำลายเซลล์ผิวที่ผิดปกติออกไปเป็นจุดเล็กๆ จากนั้นเซลล์ผิวดีรอบข้าง จะเหนี่ยวนำทำให้เกิดการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย จึงเกิดเซลล์ผิวใหม่ได้ภายใน 24 ชั่วโมง จนมีการเปรียบ FP เหมือนการแต่งภาพในโปรแกรมคอมพิวเตอร์

การปฏิวัติใบหน้าให้เนียนใสไร้สิวหรือหลุมขรุขระด้วยเลเซอร์อย่างที่กล่าวไปนั้น เหมาะสำหรับผู้ที่พร้อมทั้งใจและทุนทรัพย์ เนื่องจากการรักษาด้วยเลเซอร์แม้จะเห็นผลได้ทันตา แต่โดยภาพภาพรวมแล้วต้องรักษาต่อเนื่องเป็นระยะ จึงมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ

บทความโดย พญ.ธวลิดา เวชชวณิชย์ แพทย์หัวหน้าศูนย์ความงาม รพ.พญาไท 1
E-mail : bangkokbeautyclinic@gmail.com
Hotline : 086-4656031

เปลี่ยนผิวคล้ำเป็นผิวขาวด้วย IPL

ลำแสงพิฆาต รอยดำชะงักงัน
สวยประชันสาวเกาหลี เปลี่ยนผิวคล้ำเป็นผิวขาวด้วย IPL

เลิกอิจฉาสาวหมวย ที่เขาว่าดูสวยใสสไตล์เกาหลีไปได้เลย เพราะต่อไปนี้ สาวไทยจะอวดผิวขาวประชันความสวยได้ไม่แพ้ใครถึงสภาพอากาศบ้านเราจะเลี่ยงแสงยูวีที่เป็นต้นเหตุของความหมองคล้ำดำได้ยาก แต่ใช่ว่าจะไม่มีทางออกของปัญหา เพราะสมัยนี้มีตัวช่วยหลายอย่างเพื่อเนรมิตผิวให้ได้ดั่งใจ แก้ไขได้ตรงจุดอย่างเช่นการรักษาด้วย IPL

บางคนอาจคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แต่สำหรับการเปลี่ยนผิวหมองคล้ำให้ขาวสดใสด้วย

IPL หรือ  Intense Pulse Light

ซึ่งเป็นการรักษาโดยใช้แสงความเข้มสูง ช่วงคลื่น 400-1200 nm เป็นตัวทำลาย เม็ดสีรอยดำส่วนเกินใต้ผิวหนัง ให้แตกกระจายออกเป็นเม็ดเล็กๆ แล้วร่างกายเราก็จะค่อยๆมากำจัดไป จึงทำให้รอยดำจางลง ภาพรวมหน้าสว่างขึ้น นอกจากนี้แสงยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินได้เล็กน้อย ทำให้ใบหน้าเต่งตึงขึ้น ริ้วรอยดูลดลงคะ แต่ IPL เป็นการรักษาแบบไม่จำเพาะเจาะจง มีผลในผิวหนังชั้นตื้นๆเท่านั้น จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาน้อยๆ มีรอยดำจางๆ ริ้วรอยนิดๆหน่อยๆ ต้องการรีจู ฟื้นฟูผิวให้ดีขึ้น อันนี้หลังทำจะเห็นผลว่าภาพรวมหน้าใสขึ้นดูดีขึ้น แต่ถ้ามีฝ้าเยอะ รอยดำหนาๆ ไม่กล้าเจอคน อันนี้ต้องเปลี่ยนใจให้หันไปทำพวกเลเซอร์กลุ่ม Qswitch ดีกว่าคะ เพราะพลังงานสูงกว่า ลงลึกกว่า เห็นผลชัดเจนยิ่งกว่า จะได้ไม่เสียเงินฟรี เพราะ ถ้าปัญหามากๆ IPL ไม่ได้ผลคะ

ขั้นตอนการรักษา

อย่างที่บอกว่า IPL เป็นการรักษาด้วยแสงความเข้มสูง แต่อย่าเพิ่งตกใจกังวลไป ว่าจะร้อนหรือหรือเกิดรอยไหม้ที่ผิว เพราะโดยทั่วไปด้วยความทันสมัยไฮเทคของเทคโนโลยี เครื่อง IPL ที่ดีๆมีคุณภาพ ผ่านมาตรฐานสากล บริเวณหัวยิงที่สัมผัสกับผิวของเรา จะมีตัวทำความเย็นอัตโนมัต อุณหภูมิ –5c ถึง-30c หล่อเย็นอยู่ที่หัวยิงบริเวณที่สัมผัสกับผิวของเราอยู่แล้ว เพื่อลดความเสี่ยงจากการไหม้ การ burn จากความร้อนที่จะลงสู่ผิวขณะทำการรักษา แต่ย้ำต้องเป็นเครื่องที่ดีๆ ผ่านมาตรฐานเท่านั้นนะคะ ถึงจะมีระบบนี้  บางเครื่องที่ราคาถูกหน่อยก็จะไม่มีระบบนี้ ซึ่งคนไข้ก็ต้องรับความเสี่ยงไป เอาเป็นว่า รักษาหน้า ทำเลเซอร์ทำในโรงพยาบาลทำโดยแพทย์ที่จบมาทางนี้โดยตรงปลอดภัยสุดคะ เพราะโรงพยาบาลเขามีระบบตรวจสอบจากแพทยสภา กระทรวงสาธารณะสุขอย่างถูกต้องคะ   ต่อไปก่อนทำเลเซอร์หมอจะนำเจลเย็นๆมาทาที่ผิวก่อน เพื่อให้เกิดการหล่อลื่นเพิ่มความเย็นให้ผิวและเป็นตัวนำแสงเข้าสู่ผิว หลังจากนั้นก็เริ่มปล่อยลำแสงจากตัวเครื่องเข้าสู่ผิว ซึ่งเราจะรู้สึกว่ามันอุ่นๆ เหมือนถูกหนังยางดีดเบาๆ ทำทั่วหน้า หลังทำก็จะหน้าแดงเรื่อๆเหมือนคนทาแก้ม ไม่มีแผล แต่งหน้า ล้างหน้าได้เลย ไม่มีข้อห้ามคะ แต่ถ้าอยากขาวก็เลี่ยงแดดก็จะดี หลังทำครั้งแรกก็จะดีขึ้น 10-20% และจะดีขึ้นเรื่อยๆหลังจากทำไป 4-5 ครั้งคะ ระยะเวลาในการทำก็ 2-4 อาทิตย์ต่อครั้ง เครื่องนี้หน้าไม่เป็นอะไรก็ทำได้คะ เป็นการฟื้นฟูผิวด้วยเครื่องอย่างดีโดยไม่มีแผลทางหนึ่งคะ ทำเป็นประจำก็จะไม่เห็นร่องรอยความหมองคล้ำมาสร้างปัญหาให้เราอีก

จริงอยู่ว่าการทำ IPL ไม่มีผลข้างเคียงภายหลัง แถมยังรักษาได้ทุกที่ของผิว แต่ก่อนการรักษา ก็ต้องเตรียมตัวไว้บ้าง เพื่อให้ผลที่ออกมาดียิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งที่จะต้องทำก็คือ

1.ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ ต้องเลี่ยงแสงแดดจัด เพราะผิวสีเข้ม หรือผิวที่ไหม้จากการอาบแดด จะทำให้เกิดการไหม้ได้จากการทำ IPL เพราะถ้าผิวโดดแดด ผิวจะไวต่อแสงมากกว่าปกติคะ

2.ควรทำอย่างต่อเนื่องทุกเดือนประมาณ 4-6 ครั้ง

3. หลังการทำต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดประมาณ 1 สัปดาห์

4.หลังทำจะมีรอยแดงเรื่อๆที่หน้า ที่ผิว เหมือนคนทาแก้ม ไม่เกิน 1 วันสีผิวก็จะเป็นปกติ

5. ทาครีมกันแดดเป็นประจำ

6.บางคนที่เกิดอาการแสบร้อน หรือมีรอยแดงที่ผิวหนังหลังการทำ อย่าเพิ่งคิดมากค่ะ เพราะอีก 24 ชั่วโมงต่อมาก็จะเป็นปกติเหมือนเดิม แต่ถ้ามีรอยไหม้ มีถุงน้ำ มีรอยเครื่องบนหน้า ต้องรีบพบแพทย์ที่ทำการรักษาให้เราทันที แสดงว่ามีปัญหาแล้วคะ

เห็นผลทันใจ แถมยังปลอดภัยแบบนี้ ราคาก็ไม่ได้แพงมากอย่างที่คิด ตามปกติการรักษาจะคิดตามจำนวนจุดที่ยิง Shotละ 100 ขึ้นไป หรือถ้าทำทั่วหน้าก็อยู่ที่ประมาณ 2,000-5,000 ต่อครั้ง ตามแต่สถานที่ไปใช้บริการ  ซึ่งวิธีเลือก เราอย่าคำนึงถึงแค่ราคาเพียงอย่างเดียว ต้องดูที่คุณภาพเครื่อง แพทย์ที่จะมาทำการรักษาให้เราและ สถานที่ที่เราไปรักษาด้วย ถ้าเราเลือกได้ดีก็จะได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าและน่าพอใจคะ

บทความโดย พญ.ธวลิดา เวชชวณิชย์ แพทย์หัวหน้าศูนย์ความงาม รพ.พญาไท 1
E-mail : bangkokbeautyclinic@gmail.com
Hotline : 086-4656031