ยกตา ลดหน้า บีบน่อง โบทอกซ์ ฟิลเลอร์

ยกตา ลดหน้า บีบน่อง โบทอกซ์ ฟิลเลอร์เอาอยู่

ย้อนวัยผิวด้วย ‘ฟิลเลอร์-โบท็อก’

เมื่อไหร่ก็ตามที่กาลเวลาพาอายุไปถึงเลข 25 เมื่อนั้นริ้วรอยเหี่ยวย่นจะปรากฏขึ้นตามธรรมชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะผิวหน้าบริเวณดวงตา หรือตีนกา จะค่อยๆ มองเห็นได้ชัดเจนอยู่เรื่อยๆ และยิ่งดูชัดแจ้งตอนอายุ 50 ปี ในตอนนั้นยังจะมีปัญหาผิวหยาบกร้าน หย่อนคล้อย และคืนตัวช้า  เช่นเดียวกับริ้วรอยแห่งวัยที่มุมปาก หน้าผากช่วงหว่างคิ้ว ดูๆ ไปก็คล้ายผ้าม่านที่หย่อนตัวลง

แล้วริ้วรอยเหี่ยวย่นเกิดอย่างไรกันหรือ?

ก็ธรรมชาติของผิวนั้นประกอบไปด้วยเซลล์จำนวนมากมาย มีการเสื่อมสภาพ หลุดออก และสร้างขึ้นมาทดแทนใหม่ตลอดเวลา ทว่าเมื่ออายุมากขึ้น เซลล์จะเสื่อมสภาพ หลุดง่าย สร้างยาก ไม่สมบูรณ์เหมือนวัยละอ่อน

หากดูจากโครงสร้างของผิวหนังซึ่งมีด้วยกัน 3 ชั้น ประกอบด้วยชั้นหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน จะทำให้ทราบว่าปัญหาเหี่ยวย่นมีความเกี่ยวพันกันหมด

เริ่มจากชั้นหนังกำพร้า ซึ่งเป็นชั้นบนสุด เมื่ออายุมากขึ้นผิวชั้นนี้จะบางลง แต่ผิวบริเวณที่สัมผัสแสงแดดเป็นประจำจะหนาตัวขึ้น เซลล์ผิวชั้นนี้จะหลุดออกง่าย สภาพเช่นนี้เมื่อเกิดแผลจะทำให้หายช้า และมีฝ้า กระ มากขึ้น

ส่วนผิวชั้นกลางหรือชั้นหนังแท้ เป็นที่อยู่ของ คอลลาเจน, อีลาสติน และกราวน์ด ซับสแตน (ทำหน้าที่เหมือนปูนซีเมนต์ ตัวเชื่อมคอลลาเจนกับอีสาลติน) โดยวัยที่มากขึ้นจะทำให้คอลลาเจนกับอีลาสติน เสื่อมสภาพลง ทำให้ผิวเปราะบาง ความยืดหยุ่นลดลง

ลงลึกไปยังผิวชั้นไขมัน ที่เปรียบเสมือนเบาะรองผิวหนัง จะบางยุบลง ส่งผลให้ผิวดูแห้งเหี่ยว ไม่นุ่มนวล ยกเว้นผิวบริเวณสะโพก ต้นขา ที่ยิ่งแก่ยิ่งหนาตัวขึ้น

โทษธรรมชาติอย่างเดียวไม่ได้ที่กำหนดให้ผิวของคนเราต้องเสื่อมสภาพและเหี่ยวลง เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามารุมทำร้ายผิวของเราด้วย เริ่มจาก ‘แสงแดด’ ตัวการสำคัญฤทธิ์ร้ายเป็นตัวเร่งให้ผิวแก่เร็วกว่าวัย ทำให้อีลาสตินและคอลลาเจนเสื่อมสภาพ มีผลให้ผิวชั้นในหย่อนยาน ม้วนตัวอยู่ภายในผิวหนังชั้นบนสุด

ปัจจัยต่อมา ‘สารเคมี’ ไม่ว่าจะเป็นสารปรอทในเครื่องสำอาง สารตะกั่วจากน้ำมันเชื้อเพลิง สารคลอรีนในสระว่ายน้ำ ฝุ่นละออง และเชื้อโรคต่างๆ ที่สัมผัสกับผิวของคนเราอยู่เรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีผลมาจากการขาดวิตามินเอ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ และการแสดงความรู้สึกบนใบหน้า เช่น การยิ้ม การขมวดคิ้ว เป็นต้น

หนทางแก้ไขหรือหนีปัญหาริ้วรอยแห่งวัยไม่ชวนมองเหล่านี้ ทำได้ด้วยตนเองเพียงไม่แสดงอารมณ์ทางหน้า ซึ่งพูดง่ายแต่ทำยาก หลายๆ คนจึงเลือกวิธีทาครีม ทายา ซึ่งเป็นแก้ปัญหาได้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งที่ใช้ครีมหรือยา จึงไม่ถาวร แต่วิธีที่กำจัดริ้วรอยเหี่ยวย่นออกไปได้ถาวรมีวิธีเดียวเท่านั้น คือ การผ่าตัดศัลยกรรม หรือที่มักจะเรียกกันว่า ผ่าตัดยกหน้า ดึงหน้า ยกเครื่องใหม่ แต่ก็เป็นวิธีที่เป็นทางเลือกของคนไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวมีดหมอนั่นเอง

นอกจากจะรักษาด้วยการทาครีม ทายา หรือผ่าตัดยกหน้าใหม่ ก็ยังมีวิธีอื่นๆ เป็นทางเลือก อาจเปรียบว่าเป็นทางสายกลาง แม้ไม่ถาวรแต่ก็ช่วยยืดตรึงผิวหน้าไว้ได้นานกว่าการใช้ครีมหรือยาทาภายนอก และไม่ต้องผ่านความเจ็บปวดจาการผ่าตัด นั่นคือ การฉีดสารต่างๆ เช่น โบทอก หรือ ฟิลเลอร์นั้นเอง ส่วนจะเลือกสารตัวใดฉีดหรือใช้เลเซอร์ชนิดไหนมาแก้ปัญหาเหี่ยวย่นนั้น ต้องดูจากลักษณะของรอยเหี่ยวย่นเป็นสำคัญ

สารละลายที่ใช้ฉีด มีทั้ง  ‘โบท็อก’  ซึ่งเป็นชื่อทางการค้าของสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งสร้างจากแบคทีเรีย ชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ก่อโรคอาหารเป็นพิษหากได้รับในปริมาณมากจะมีผลกับกล้ามเนื้อ เนื่องจากออกฤทธิ์โดยการไปจับกับส่วนปลายของเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาท ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ กล้ามเนื้อจึงคลายตัว หรือเกิดอัมพาตของกล้ามเนื้อ

ด้านความสวยความงาม แพทย์จึงนำโบท็อกฉีดเข้ากล้ามเนื้อในปริมาณน้อยๆ โบทูลินั่ม ท็อกซินจะทำให้กล้ามเนื้อ “คลายตัว” เหมาะกับการแก้ไขริ้วรอยที่เกิดจากการหดเกร็งกล้ามเนื้อบ่อยๆ เช่น ตีนกาที่หางตา รอยย่นที่หน้าผาก นอกจากนี้ยังสามารถใช้ ลดกราม เปลี่ยนโครงหน้า ปรับรูปคิ้ว ลดน่อง ลดเหงื่อได้ด้วย การฉีดโบทอกเป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาได้ระยะหนึ่ง คือ  3-8 เดือนหลังจากยาหมดฤทธิ์รอยย่นก็จะกลับมาเหมือนเดิม ก็ต้องมาเติมกันใหม่  ส่วนผลข้างเคียงที่อาจพบได้คือ การเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่เป็นธรรมชาติ ดูเหมือนใส่หน้ากาก บางที่ฉีดใหม่ๆอาจหลับตาไม่สนิม หรือถ้าฉีดหน่อยช่วงแรกๆอาจใส่ส้นสูงแล้วเดินไม่ถนัด ซึ่งอาจการเหล่านี้จะค่อยๆหายไปเองเมื่อโบทอกซ์หมดฤทธิ์ ทุกอย่างก็จะคืนสภาพเดิม สนนราคาต่อเข็มราว 5,000-10,000 บาท

ในหมวดฉีดที่นิยมยังมี ‘ฟิลเลอร์’ (Filler) เพิ่งนำมาใช้ในช่วง 10 ปีที่ผ่าน เป็นคำรวมๆ ใช้เรียกสารสังเคราะห์เลียนแบบธรรมชาติ ฉีดเสริมเนื้อเยื่ออ่อน อาทิ รอยบุ๋ม หลุมสิว รอยย่น ร่องลึก ที่เกิดจากสภาพผิวที่ขาดน้ำ บางกรณียังสามารถนำไปฉีดเพื่อเสริมจมูกในตำแหน่งต่างๆเช่น ดั้ง ปลายจมูกรูปชมพู่ ปีกจมูก  และนอกจากนี้ฟิลเลอร์ โมเลกุลใหญ่ยังสามารถฉีดเสริมหน้าอกได้ด้วย โดยไม่ต้องผ่าตัด

ฟิลเลอร์ที่นิยมฉีด คือ “ไฮยาลูโรนิค แอซิด”  อาจเรียกสั้นๆ ว่า ไฮย่า ปกติมีอยู่ในผิวชั้นหนังแท้อยู่แล้ว การฉีดไฮย่าจะเข้าไปดูดน้ำในร่างกายเราเป็นพันเท่า เพื่อให้บวมโต ผิวหนังเต่งตึงหรือนูนขึ้นมา สารที่ใช้ถ้าเป็นยี่ห้อที่ผ่าน อย.แล้ว สามารถฉีดได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะทำมาจากน้ำตาลโมเลกุลซ้อน ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ไม่ต้องทดสอบก่อนฉีด การฉีดฟิลเลอร์สามารถแก้ปัญหาร่องรอยต่าง ๆ ได้ ระดับหนึ่งนาน 4 เดือน-1 ปี ราคาเข็มละประมาณ 10,000-15,000 บาท  ผลข้างเคียงที่อาจพบ คือ รอยแดง รอยช้ำจากการฉีดยา ซึ่งจะค่อยๆดีขึ้นภายใน 1 อาทิตย์หลังฉีด ส่วนถ้าผิวบริเวณที่ฉีดนูนขึ้นมากเกินไปหรือคนไข้ไม่ถูกใจรูปทรงหลังฉีด ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดสารสลายฟิลเลอร์เข้าไปเพียงเท่านี้ผิวก็กลับมาเป็นสภาพปกติก่อนฉีด ยาฉีดฟิลเลอร์นี้ไม่มีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ เนื่องจากเป็นสารที่เหมือนฟองน้ำเพื่อความเต่งตึงของผิวเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ต้องกลังวลว่าฉีดแล้วจะเกิด การแสดงสีหน้าไม่ได้ หลับตาไม่สนิท หรืออะไรต่างๆแต่อย่างใด

ทั้งนี้มีข้อควรรู้คือ ฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานอย่างถูกต้องจะเป็นชนิดไม่ถาวรเท่านั้น นอกจากนี้ยังต้องทราบด้วยว่า ฟิลเลอร์มีทั้งแบบสังเคราะห์จากเนื้อเยื่ออ่อนของคนไข้เอง ซึ่งใช้เวลานาน ยุ่งยาก ราคาแพง ส่วนชนิดสังเคราะห์จากเนื้อเยื่อคนอื่น หรือสังเคราะห์จากสัตว์ เสี่ยงเกิดอาการแพ้ได้ จะต้องทดสอบก่อน และชนิดล่าสุด คือ ชนิดที่ผ่านอย.แล้ว เป็นฟิลเลอร์ที่เป็นน้ำตาลโมเลกุลซ้อน ไม่ต้องทดสอบก่อนฉีด

โดนส่วนใหญ่โบทอกซ์และฟิลเลอร์ ทำงานเสริมฤทธ์กัน  ต้องการฉีดริ้วรอยเล็กๆ หรือฉีดบริเวณใบหน้าส่วนบน ก็จะนิยมฉีดโบทอกซ์ แต่ต้องการเน้นฉีดริ้วรอยลึกๆ หรือฉีดร่องบริเวณใบหน้าส่วนล่าง ก็จะเน้นฉีดฟิลเลอร์มากกว่า จะได้ผลดีกว่า

เสร็จจากการลบเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นด้วยวิธีข้างต้นแล้ว ผิวหน้าคงจะดูอ่อนเยาว์ เหมือนย้อนเวลาไปหาอดีตเลยทีเดียว.

 

Tags: , , , ,

About bangkokbeautyclinic

bangkokbeautyclinic

Leave a comment